วิชาชีพระยะสั้นโครงการศูนย์ฝึกอาชีพวิชาทำกระเป๋าจากซองกาแฟ บ้านสันติสุข หมู่ที่ 10
ที่มาและความสำคัญ
ปัญหาขยะในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ไม่น้อยสำหรับสิ่งแวดล้อม เพราะยิ่งวันจำนวนขยะในสังคมก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นๆ ทุกวัน จึงได้มีการแก้ปัญหากันอยู่หลายทาง ซึ่งทางหนึ่งที่เลือกใช้ก็คือการนำขยะมารีไซเคิลเพื่อนำกลับไปใช้ใหม่ ซึ่งหนทางนี้ก็ถือว่าเป็นหนทางที่มีประสิทธิภาพ เพราะยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับขยะเหล่านั้นอีกด้วย โดยกลุ่มผลิตกระเป๋าจากขยะรีไซเคิลก็ได้เลือกใช้หนทางนั้นเช่นกัน ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมแล้วยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้สมาชิกในชุมชนและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนให้สามารถพึ่งตัวเองได้อีกด้วย
ถือเป็นการรวมกลุ่มที่ก่อให้เกิดประโยชน์ได้หลายด้านและน่ายกย่องนำเป็นเยี่ยงอย่างให้กับอีกหลายๆ ชุมชน โดยกลุ่มผลิตกระเป๋าจากขยะรีไซเคิล หมู่บ้านตาดี โดยกลุ่มแม่บ้าน ได้เล่าถึงการดำเนินการผลิตกระเป๋าจากขยะรีไซเคิลว่า กระเป๋าแต่ละใบจะใช้ซองกาแฟถึง 500 ซอง โดยแต่ละซองก็จะนำมาสานกันให้ได้ลายที่ต้องการ และนำมาสานต่อกันขึ้นรูปเป็นกระเป๋าต่อไป
เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ส่งผลทำให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการทำโครงงานใหม่ๆที่จะนำไปสู่โลกของงานอาชีพและการศึกษาอีกทั้ง โครงงานที่ตนสนใจก่อให้เกิดองค์ความรู้ที่กว้างขวางความสำคัญของกระเป๋าจากซองกาแฟนั้นมีประโยชน์ต่อเรามากมายเช่น ช่วยเสริมรายได้ , ไว้ใส่สิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวฯลฯ สรุปว่าต้องการสร้างเว็บ Blog เรื่องการทำกระเป๋าจากซองกาแฟเสริมรายได้ เพื่อสามารถสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน
วัตถุประสงค์
๑. เพื่อศึกษาเรื่องการทำกระเป๋าจากซองกาแฟ
๒. เพื่อศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจเกี่ยวกับการทำวีดีโอตัดต่อแบบง่ายๆ
๓. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถพัฒนารูปแบบของเว็บบล็อก ได้ด้วยตนเองและนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนรู้ของตนเองมายิ่งขึ้น
๔. เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารได้ระหว่างครูเพื่อนและผู้สนใจทั่วไป
๕. เพื่อเป็นรายได้ระหว่างเรียน
ประโยชน์ สามารถนำมาเป็นสินค้า O-TOP ประจำหมู่บ้าน เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ครัวเรือน อีกทั้งยังสามารถนำสิ่งของที่ใช้แล้วมาทำให้เกิดประโยชน์ได้และยังช่วยลดขยะมูลฝอยภายในครัวเรือน อีกทั้งยังป็นสินค้าที่มีราคาไม่แพง อุปกรณ์ที่ต้องใช้มีดังนี้
1.กรรไกร
2.แม็คติดกระดาษพร้อมลูก
3.ซองกาแฟที่ไม่ใช้แล้ว
4.หูหิ้ว
5.สายสะพาย
6.ซิบ
7.ซิบใน
8.ตัวล็อคปิดฝาผลิตและจำหน่ายได้ง่ายสำหรับผู้ที่ว่างงาน
ขั้นตอนการทำกระเป๋า
1.นำซองกาแฟมาทำความสะอาดแล้วผึ่งให้แห้ง
2.นำซองกาแฟที่แห้งแล้วมาตัดตามขนาดที่ต้องการ ประมาณ 4 เซนติเมตร
3.นำมาพับให้ได้ตามแบบ
4.นำซองกาแฟที่พับแล้วมาแม็กติดกันเป็นรูปสี่เหลี่ยม
5.นำชิ้นส่วนที่แม็กแล้วมาประกอบกันเป็นชิ้นๆขึ้นไปเรื่อยๆ ตามขนาดที่เราต้องการ ประมาณ 5-6ชั้น โดยพื้นกระเป๋าต้องกว้างไม่ต่ำกว่า3แถวขึ้นไป
6.หลังจากได้ขนาด ความกว้าง และความสูง ตามที่ต้องการแล้ว นำไปเย็บซิบใน และติดสายสะพาย และหูหิ้ว พร้อมซิบยาวตัวล็อคปิดฝากระเป๋า
วิชาชีพหลักสูตรระยะสั้น โครงการเศรษฐกิจพอเพียง
วิชาการปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์ (หลักสูตร 30 ชั่วโมง)
หลักสูตรการปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์ มีวัตถุประสงค์ การจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชน มีอาชีพเสริม จำนวน 1 ห้องเรียน
ประโยชน์ที่ได้รับจากวิชาชีพหลักสูตรระยะสั้น
1. เป็นการส่งเสริมอาชีพ และให้คนในชุมชนมีอาชีพเสริม
2. เป็นการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว
3. เพื่อส่งเสริมให้ศึกษามีนิสัยรักการทำงาน
4. เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
5. เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับการฝึกปฏิบัติกิจกรรมส่งเสริมอาชีพ สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการประกอบอาชีพได้
6. มีทักษะการคิด การทำงาน การแก้ปัญหา การบริหารจัดการ
หลักการและเหตุผล
วิชาชีพหลักสูตรระยะสั้น การปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์ หลักสูตร 30 ชั่วโมง กศน.ตำบลสำโรงใหม่สังกัดศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอละหานทราย เห็นว่าปัจจุบันประชาชนมีเศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก มีค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น จึงได้มีการจัดฝึกอาชีพให้กับประชาชนที่สนใจ เพื่อให้ประชาชนที่ว่างงาน หรือมีอาชีพอยู่แล้วได้ต่ออดอาชีพเดิม และส่งเสริมประชาชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีความมั่นคงในชีวิต รณ์ในการ
วัสดุและอุปกรณ์ในการปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์
- กิ่งพันธุ์มะนาว
- บ่อซีเมนต์
- ดิน
- ปุ๋ยคอก
- แกลบ
- ปูนขาว
- เปลือกมะพร้าว
วิธีการการปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์
การปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์ เป็นอีกแนวทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรที่ต้องการให้มะนาวสามารถออกลูก นอกฤดูและง่ายต่อการจัดการ เนื่องจากการปลูกในบ่อซีเมนต์สามารถปลูกให้มีขนาดทรงพุ่มเท่ากับการปลูกในแปลงดินได้และง่ายต่อการงดน้ำเพื่อบังคับให้ออกลูกนอกฤดูพันธุ์มะนาวที่แนะนำให้ปลูก ได้แก่ มะนาวแป้น มะนาวแป้นพันธุ์พิจิตร และพันธุ์อื่นๆ
ข้อดีการปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์
1. สามารถบังคับให้มะนาวออกลูกนอกฤดูหรือตลอดทั้งปีได้ง่าย
2. ไม่เปลืองแรงงานหรือเกิดค่าใช้จ่ายในการเตรียมแปลงหรือปรับพื้นที่
3. ง่ายต่อการดูแล และการให้น้ำมีประสิทธิภาพ
4. ป้องกันโรคบางชนิดได้ง่ายจากสภาพดินที่ไม่เหมาะสม
5. เหมาะสำหรับการปลูกไว้รับประทานเองหรือเพื่อส่งจำหน่าย
6. สามารถใช้เป็นไม้ประดับได้อีกทาง
ข้อเสีย
1. มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในส่วนของบ่อซีเมนต์
2. อายุของต้นมะนาวสั้นกว่าการปลูกในแปลงดินแต่ไม่แตกต่างกันมาก
วัสดุอุปกรณ์
1. บ่อซีเมนต์
บ่อซีเมนต์ที่ขายในท้องตลาดมีหลายขนาด ตั้งแต่เส้นผ่าศูนย์กลาง 80-120 เซนติเมตร สูง 40-60 เซนติเมตร แต่ที่นิยมคือ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 เซนติเมตร สูง 40-50 เซนติเมตร พร้อมฝาปิดบ่อ ทั้งนี้ อาจไม่ต้องใช้ฝาปิดบ่อก็ได้หากพื้นที่มีสภาพหน้าดินแน่น และแห้ง สามารถระบายน้ำดี
2. ดิน
เนื่องจากดินที่ใช้มีปริมาณมากกว่าการปลูกมะนาวในกระถาง อัตราส่วนการผสมจึงอาจแตกต่างกันได้ตามงบประมาณการลงทุน โดยใช้ดินร่วนหรือดินร่วนปนทรายผสมกับมูลสัตว์ แกลบหรือผสมวัสดุอื่น เช่น ขี้เถ้า กากมะพร้าว เป็นต้น ในอัตราส่วนดินต่อวัสดุอื่น 2:1 หรือ 3:1 พร้อมผสมด้วยปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ปริมาณ 10 กิโลกรัม/ดิน 1 คิว
3. กิ่งพันธุ์มะนาวตอน
4. ไม้ไผ่ และเชือกฟาง
การปลูก
1. จัดวางฝาปิดบ่อซีเมนต์ในระยะห่างระหว่างแถว และระหว่างต้นในระยะ 2-4 x 2-4 เมตร พร้อมนำบ่อซีเมนต์วางทับด้านบน 1 ไร่ จะได้ประมาณ 100-400 ต้น ตามระยะที่ใช้
2. นำดินที่ผสมแล้วใส่ในกระถาง ให้ระดับดินต่ำกว่าขอบบ่อประมาณ 10 เซนติเมตร ให้ใส่ดินประมาณ 2 ใน 3 ของบ่อ แล้วนำต้นมะนาวลงบ่อ แล้วจึงใส่ดินกลบทีหลังหรืออาจใส่ดินให้ได้ระดับก่อนค่อยขุดหลุมปลูกทีหลังก็ได้ โดยนำถุงพลาสติกหรือกระถางออกก่อนปลูกทุกครั้ง หลังจากนั้นกลบหน้าดินใหแน่นพอประมาณ พร้อมนำวัสดุอินทรีย์โรยกลบปากบ่อ เช่น แกลบ ขี้เถ้า ขุยมะพร้าว เศษใบไม้ ปุ๋ยหมัก และมูลโค เป็นต้น ทั้งนี้ ให้หลีกเลี่ยงการใส่ขี้เถ้าจำนวนมาก เนื่องจากขี้เถ้ามีสารอนินทรีย์ที่เป็นแร่มาก เมื่อละลายน้ำจะให้กรด อาจทำให้รากมะนาว และต้นมะนาวเหี่ยวตายได้ หรือดินมีสภาพเป็นกรดมาก
3. สำหรับต้นมะนาวขนาดเล็กให้ใช้ไม้ไผ่ปักข้างลำต้น พร้อมผูกเชือกรั้งให้ลำต้นตรง ส่วนต้นมะนาวขนาดใหญ่ไม่ต้องรั้งต้นด้วยไม้ก็ได้ หากแต่ต้นมีกิ่งสาขาแผ่กว้างให้ใช้ไม้ไผ่ปักค้ำทั้ง 4 ด้าน
4. เมื่อปลูกเสร็จให้รดน้ำให้ชุ่ม โดยสังเกตน้ำที่ซึมออกบนฝารองด้านล่าง และนำฟางข้าว แกลบหรือเศษใบไม้มากลบบริเวณโคนต้น และปากบ่อทั้งหมด เพื่อรักษาความชุ่มชื้นหน้าดิน
การดูแล
การให้น้ำ หากปลูกไม่กี่ต้นก็สามารถให้น้ำด้วยการตักรดก็ได้ แต่หากปลูกหลายต้นหรือเพื่อการค้าอาจติดตั้งระบบน้ำหยดเพื่อให้น้ำง่าย และสะดวกกว่า โดยระยะแรกจะให้ทุกวัน และเมื่อต้นมะนาวตั้งตัวได้แล้วจะให้วันเว้นวันก็ได้ขึ้นอยู่กับสภาพหน้าดิน และสภาพอากาศ นอกจากนั้น หากมีการให้น้ำแบบสปริงเกอร์แล้ว เกษตรกรมักนิยมปลูกผักแซมบริเวณรอบต้นมะนาวร่วมด้วย การใส่ปุ๋ย ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ประมาณ 1-2 กำมือ ทุกๆ 3-4 เดือน/ครั้ง หรืออาจผสมกับน้ำรดบริเวณโคนต้นก็ได้ ทั้งนี้ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใส่ปุ๋ยเคมี ให้ใส่เฉพาะในช่วงบังคับการออกดอกหรือระยะออกดอกติดผลเท่านั้น ส่วนปุ๋ยคอกให้ใส่ 1 ถังเล็ก ทุกๆ 3 เดือน และให้ดีควรรดน้ำร่วมกับการละลายปุ๋ยคอกร่วมด้วยการตัดแต่งกิ่ง ควรตัดแต่งกิ่งให้มีทรงพุ่มเสมอกันในทุกด้าน โดยให้ตัดแต่งกิ่งที่ยาวหรือยื่นออกนอกทรงพุ่มมากเกินไป หรือกิ่งที่เป็นโรคไม่เจริญเติบโตทิ้งเสีย
การบังคับให้ออกลูกนอกฤดู
โดยปกติมะนาวจะติดดอกในช่วงเดือน มีนาคม-เมษายน และจะเก็บผลผลิตในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปจนถึงเดือนตุลาคม ตามขนาดที่ต้องการในช่วงนี้จะทำให้มะนาวมีราคาถูกมาก แต่จะแพงมากในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ดังนั้น การบังคับให้มะนาวออกลูกในช่วงพฤศจิกายน-เมษายน จะขายมะนาวได้ในราคาที่สูงขึ้นมากสำหรับการทำให้มะนาวออกลูกนอกฤดู สามารถทำได้โดยงดการให้น้ำ และการตัดแต่งกิ่ง โดยมะนาวจะออกดอกเมื่อมีการแดกกิ่งใหม่ และออกใบใหม่ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1. เลือกต้นมะนาวที่มีอายุตั้งแต่ 8-12 เดือน (ต้นที่ปลูกจากต้นตอนอายุตั้งแต่ 1 ปี และหลังจากปลูกในท่อซีเมนต์แล้ว 8 เดือนขึ้นไป)
2. ให้เลือกกิ่งแก่หรือกิ่งที่มีใบแก่แล้ว และทำการตัดแต่งกิ่ง
3. งดการให้น้ำมะนาวเป็นเวลา 7-10 วัน จนใบเหี่ยวหรือเริ่มร่วง หากในช่วงดังกล่าวมีแนวโน้มที่ฝนจะตกให้ใช้ผ้าใบพลาสติกคลุมคอบปากท่อทั้ง หมด
4. หลังจากงดให้น้ำประมาณ เวลา 7-10 วัน จะสังเกตุใบแก่จะเริ่มเหี่ยวหรือมีใบร่วง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพความชุ่มชื้นของดินด้วย
5. ทำการให้น้ำ ร่วมกับปุ๋ยสูตร 12-12-24 ประมาณ 1-2 กำมือ/ต้น
6. มะนาวจะแตกกิ่ง และออกใบใหม่ประมาณ 15-20 วัน พร้อมแตกดอก โดยในระยะแตกใบใหม่ และออกดอกให้ฉีดด้วยน้ำหมักหรือน้ำต้มสมุนไพรเพื่อป้องกันหนอนหรือแมลงกินใบ อ่อนหรือฉีดพ่นด้วยยากำจัดแมลง
7. ให้น้ำปกติ วันละครั้งหรือวันเว้นวันจนถึงการเก็บเกี่ยวผลิต
การปลูกมะนาวให้ลูกดกอย่างต่อเนื่อง และมีอายุหลายปี
1. การคัดเลือกกิ่งพันธุ์
กิ่งพันธุ์มะนาวที่ใช้ปลูกในกระถาง หากต้องการย่นระยะเวลาการเก็บผลให้เร็วขึ้นควรใช้กิ่งพันธุ์ขนาดใหญ่ที่มีการอนุบาลนาน 8 เดือน – 1 ปี ขึ้นไปแต่หากใช้กิ่งพันธุ์ที่ได้จากการตอนอาจต้องใช้ระยะเวลานานขึ้นกว่าจะให้ผลผลิต ทั้งนี้ กิ่งพันธุ์ที่เลือกควรเป็นกิ่งพันธุ์ที่มีความสมบุรณ์ ไม่มีรอยโรค กิ่ง และใบดก ซึ่งการคัดเลือกกิ่งพันธุ์ที่ดีจะช่วยให้ต้นมะนาวเติบโตให้ผลอย่างต่อเนื่อง และมีอายุนานหลายปี
2. การผสมวัสดุปลูก
วัสดุสำหรับการปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์ควรมีการผสมระหว่างดินกับวัสดุทางการเกษตร เช่น ปุ๋ยคอก และมูลสัตว์ต่างๆ ปุ๋ยหมัก แกลบ ขี้เถ้า ขี้เลื่อย เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มอินทรีย์วัตถุในดิน ทำให้ดินร่วนซุย ดินเก็บความชื้นได้ดี และเป็นการเพิ่มธาตุอาหารให้แก่ต้นมะนาวอย่างต่อเนื่อง
3. การคลุมหน้าดิน และการปล่อยไส้เดือนดิน
หลังจากปลูกมะนาวเสร็จจำเป็นต้องหาวัสดุสำหรับการคลุมหน้าดิน เช่น แกลบ ฟางข้าว เศษใบไม้ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการช่วยให้ความชื้นดินในบ่อซีเมนต์ไม่สูญเสียง่าย ส่วนการปล่อยไส้เดือนดินถือเป็นการเพิ่มอัตราการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุจากการย่อยกินอินทรีย์วัตถุในดิน ทั้งนี้ การที่ดินมีอินทรีย์วัตถุ และมีอัตราการปล่อยสารอาหารในดินที่เหมาะสมจะช่วยส่งเสริมการเติบโต และยืดอายุของต้นมะนาวได้ด
4. การให้น้ำ ให้ปุ๋ย และการดูแลอื่นๆ
การให้น้ำนิยมให้โดยระบบน้ำหยด ความถี่ 1-2 ครั้ง/วัน ในปริมาณที่หน้าดินในระยะ 10-15 เซนติเมตร มีความชุ่มชื้นเท่านั้น ส่วนการใส่ปุ๋ย แนะนำให้เลือกใช้ปุ๋ยคอกเป็นหลัก และให้ปุ๋ยเคมีเฉพาะในระยะการเร่งออกผลนอกฤดูเท่านั้น โดยกาให้ปุ๋ยคอกแนะนำให้โรยหน้าบ่อซีเมนต์ทุก 2-3 เดือนในปริมาณที่ไม่ต้องมากนัก ร่วมกับการนำปุ๋ยคอกแช่น้ำ และให้น้ำแก่ต้นมะนาวอีกทางซึ่งเป็นการให้ปุ๋ย และน้ำร่วมกันอีกครั้ง
5. การตัดแต่งกิ่ง
การตัดแต่งกิ่งถือเป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญในการบังคับมะนาวให้ออกลูกนอกฤดู และเป็นการจำกัดขนาดจำนวนกิ่ง และขนาดทรงพุ่มให้เหมาะสม เพราะหากจำนวนกิ่งมากจะมีผลต่อการขยายจำนวนรากตามจำนวนกิ่ง และขนาดของลำต้น ทำให้ต้นมะนาวดึงธาตุอาหารจากดินไปใช้ในอัตราที่เร็วขึ้น ดินขาดธาตุอาหารเร็ว ส่งผลต่ออายุของต้นมะนาว