[x] ปิดหน้าต่างนี้
 

ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ยินดีต้อนรับทุกท่าน

 





 

  

บทความสุขภาพ
รู้ทันอันตราย \'โรคหัด\' หนึ่งภัยสุขภาพอากาศหนาว

อาทิตย์ ที่ 8 เดือน มกราคม พ.ศ.2555

คะแนน vote : 1  


ขึ้นชื่อว่าเจ็บป่วยไม่ว่าจะด้วยโรคใดก็ตามล้วนแล้วแต่ไม่มีใครปรารถนา อยากเผชิญ ยิ่งช่วงเวลานี้ที่อากาศเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิลดลงในหลายพื้นที่

หัด นับเป็นอีกโรคหนึ่งที่พบแพร่ระบาดในช่วงหน้าหนาวต่อเนื่องไปจนถึงหน้าร้อน โรคดังกล่าวแม้จะมีวัคซีนป้องกัน แต่อย่างไรก็ตามหากต้องเจ็บป่วยเป็นหัด โรคดังกล่าวนี้มีความอันตรายสร้างความทุกข์ทรมานแก่ผู้ป่วย

พญ.สาลินี หิรัญบูรณะ กุมารแพทย์ประจำโรงพยาบาลเวชธานีให้ความรู้ถึงโรคดังกล่าวนี้ว่า หัดเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจซึ่งมีมายาวนาน ปัจจุบันโรคนี้แม้จะลดลงเนื่องจากมีวัคซีนป้องกัน แต่อย่างไรแล้วก็เริ่มที่จะพบมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีมานี้ ซึ่งสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส Rubeola  ในน้ำลายและทางเดินหายใจของผู้ป่วย

“โรคหัดมักระบาดช่วงมกราคมถึงต้นเมษายนมักเกิดในกลุ่มเด็กเล็กอายุ 6 เดือนถึง 6 ปีมากที่สุด เนื่องจากภูมิต้านทานจากมารดาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ลดลงและยังเป็นช่วงที่ติดเชื้อทางเดินหายใจได้ง่ายและนอกจากกลุ่มนี้ปัจจุบันยังพบในผู้ป่วยที่มีอายุสูงขึ้นในวัย 10 ปีขึ้นไป  

วัยเสี่ยงดังกล่าวผู้ปกครอง จึงไม่ควรละเลยควรได้รับวัคซีนป้องกันหัดและโรคติดต่อทางเดินหายใจอื่น ๆ อีกทั้งในเด็กที่เคยได้รับวัคซีนแล้ว เมื่ออายุเพิ่มขึ้นภูมิต้านทานจากการฉีดวัคซีนจะลดลง จึงควรมีการกระตุ้นวัคซีนหัดอีกครั้ง ซึ่งเป็นเข็มที่สองในอายุประมาณ 5-6 ปี”

ส่วนช่วงเวลานี้ที่อากาศหนาวเย็น หัดสามารถแพร่ระบาดได้ดีก็เพราะหัดเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ สภาพอากาศเปลี่ยนเช่นนี้จะส่งผลต่อเชื้อไวรัสซึ่งจะแบ่งตัวกระจายได้ดี สภาพอากาศเปลี่ยน ทางเดินหายใจแห้งและเย็นก็มีโอกาสรับเชื้อได้มาก

การแพร่ระบาดที่มีเกิดขึ้นเป็นผลมาจากหลายสาเหตุ ทั้งผลจากการฉีดวัคซีนที่ไม่ยั่งยืน  การไม่ได้รับวัคซีนอย่างต่อเนื่องขาดการกระตุ้น รวมทั้งการละเลยไม่รักษาสุขอนามัย

หัดเป็นโรคที่มีมายาวนานในอาการของโรคที่เห็นชัดเจน โรคหัดจะมีไข้สูง 3-4 วันโดยที่ไข้ไม่ลด มีอาการปวดเมื่อยตามตัว ปวดหัว ปวดกระบอกตามาก บางคนมีอาการตาแดงร่วมด้วย จากนั้นจะมีอาการไอมากและมีโรคแทรกซ้อนในระบบทางเดินหายใจและมีผื่นลักษณะพิเศษหลังจากวันที่ 4 ของการมีไข้จะเป็นผื่นลักษณะหนาแดงอยู่ 4-5 วันและหายไปได้พร้อมทั้งยังมีรอยดำของผื่น

“อาการที่โดดเด่นของโรคหัดสังเกตได้จากอาการไข้นาน ตาแดงก่ำ ปวดหัว อาการเริ่มแรกแม้จะคล้ายไข้หวัดใหญ่แต่เมื่อพิจารณาถึงอาการไข้พบไข้สูงหลายวัน จากนั้นจะมีอาการไอมาก มีผื่นขึ้นซึ่งจะไม่เหมือนโรคอื่น โดยเม็ดผื่นจะเป็นจ้ำแดงหนามีลักษณะเหมือนนำทรายมาโรยทับกัน เม็ดผื่นจะกระจายไปทั่วตามลำตัว แขน ขา ฯลฯ ผื่นที่เกิดขึ้นจะอยู่นานเป็นสัปดาห์และจะเปลี่ยนเป็นจุดดำ 

อีกทั้งช่วงวันที่ 3 ของการมีไข้สูงจะพบจุดแดงเหลืองในกระพุ้งแก้มของผู้ป่วยซึ่งลักษณะพิเศษนี้เรียกว่า koplick’s spot  นอกจากนี้ยังมีอาการไอมาก หากร่างกายอ่อนแอหรือภูมิต้านทานต่ำก็อาจป่วย มีโรคแทรกซ้อน ปอดอักเสบ ฯลฯ”
 
โรคหัดเมื่อป่วยแล้วร่างกายมีความทรุดโทรมเพราะป่วยเป็นระยะเวลานาน อีกทั้งยังอาจมีโรคแทรกซ้อนต่าง ๆโดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่แข็งแรงทั้งอาการปวดบวม ปอดอักเสบ ลำไส้อักเสบ ท้องร่วง ฯลฯ ซึ่งกลุ่มที่ต้องระมัดระวังพิเศษคือกลุ่มเด็กเล็ก  ดังนั้นเมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นอย่านิ่งนอนใจควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย 

ส่วนอีกโรคที่มักได้ยิน หัดเยอรมัน โรคทั้งสองชนิดนี้เกิดจากไวรัสกลุ่มเดียวกัน แต่เป็นคนละชนิด หัดเยอรมันเกิดจากไวรัส Rubella อาการก็จะมีความแตกต่างจากหัดที่กำลังกล่าวถึงโดยเฉพาะอาการไข้จะไม่สูงและไม่มีผื่นหนาทึบ  นอกจากนี้หัดเยอรมันยังเป็นปัญหาสำคัญสำหรับสตรีมีครรภ์ เพราะทำให้เด็กในครรภ์เกิดภาวะพิการตามมาได้ 

ขณะที่การป้องกันโรคเป็นเรื่องสำคัญซึ่งปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันหัดในช่วงอายุที่เหมาะสมจึงควรเคร่งครัด แต่อย่างไรก็ตาม พญ.สาลินีกุมารแพทย์ฝากคำแนะนำเพิ่มเติมอีกว่า การดูแลสุขอนามัยนี้นั้นมีความสำคัญที่จะช่วยให้ไกลห่างจากความเจ็บป่วยได้ ซึ่งไม่เพียงเฉพาะแต่เพียงโรคหัด

ยิ่งช่วงฤดูกาลนี้ที่อากาศเปลี่ยนแปลง การพักผ่อนอย่างเพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอหลีกไกลจากปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อสุขภาพ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์หลากหลายทั้งผักผลไม้ ซึ่งเป็นแหล่งวิตามินซีสูงโดยธรรมชาติก็จะช่วยป้องกันหวัดและส่งเสริม สุขภาพ ฯลฯ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นที่ทราบกันก็ควรต้องไม่ละเลยการปฏิบัติ 
    
ส่วนในเวลาป่วยมีอาการ ไอ จาม ควรสวมหน้ากาก อนามัย ซึ่งการสวมใส่หน้ากากอนามัยนั้นส่งผลดีต่อตนเองและคนรอบข้าง 

อีกทั้งยังช่วยให้เชื้อโรคไม่แพร่กระจาย เช่นเดียวกับการล้างมือบ่อยครั้ง ไม่จับสิ่งสกปรกแล้วนำไปขยี้ตา ขยี้จมูก ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสุขนิสัยสำคัญช่วยให้ไกลห่างความเจ็บป่วยทั้งสิ้น.
ข้าวโอ๊ต ธัญพืชมากประโยชน์...ดีต่อสุขภาพ-ความงาม - เคล็ดลับสุขภาพดี
ข้าวโอ๊ต จัดเป็นธัญพืชที่ดีมากชนิดหนึ่งที่เรานิยมนำมารับประทานเป็นอาหารเช้า อาทิ โจ๊กข้าวโอ๊ต ขนมปังข้าวโอ๊ต เนื่องจากข้าวโอ๊ตเป็นแหล่งอาหารคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานสูง มีเส้นใยมากและสามารถละลายน้ำได้จึงดูดซึมน้ำตาล ไขมัน ของเสียต่าง ๆ ได้ดี ทำให้เราอิ่มท้องได้นานแถมไม่อ้วน แต่นอกเหนือจากคุณประโยชน์เหล่านี้แล้วคุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่า ข้าวโอ๊ตมีสรรพคุณมากกว่าที่เราคิด ทั้งยังช่วยในเรื่องของการป้องกันโรคร้ายและนำมาใช้เสริมความงามได้อีกด้วย

โดย ข้าวโอ๊ต มีวิตามินและเกลือแร่ที่ร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างทันที และเป็นที่ทราบกันดีว่าข้าวโอ๊ตมีสารอาหารที่หลากหลาย โดยเฉพาะมีเส้นใยมากทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายโดยเฉพาะลำไส้ของเราทำงานได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงลดอาการท้องผูกและดูดซึมน้ำตาล ไขมัน ของเสียต่าง ๆ ได้ดี ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด ทำให้เรารู้สึกอิ่มนานไม่หิวระหว่างมื้อบ่อย ๆ นอกจากนี้ยังมีสารประกอบที่สำคัญคือ เบต้ากลูแคน เป็นเส้นใยอาหารที่สามารถละลายในน้ำได้ดี มีคุณสมบัติคอยดูดซับคอเลสเตอรอลในลำไส้เล็กและปล่อยเป็นของเสียออกจากร่างกาย การรับประทานข้าวโอ๊ตจึงช่วยในการลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันและโรคหัวใจได้ผลดี ซึ่งองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา (USFDA) รับรองผลการศึกษาวิจัยว่า หากร่างกายได้รับเบต้ากลูแคนอย่างน้อย 3 กรัมต่อวันจะสามารถช่วยลดปัญหาคอเลสเตอรอลได้ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอลและผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

ปัจจุบันเรามักนิยมนำข้าวโอ๊ต มารับประทานเป็นอาหารเช้าเพื่อสุขภาพเพราะมีคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน ข้าวโอ๊ต 100 กรัม ให้พลังงาน 390 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 66 กรัม ไขมัน 7 กรัม โปรตีน 17 กรัม วิตามินบี 5 1.3 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 5 มิลลิกรัม แมกนีเซียม 177 มิลลิกรัม และกากใยไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำ 4 กรัม ซึ่งเราสามารถนำข้าวโอ๊ตมาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายเมนูที่อร่อยได้ไม่ซ้ำกันและสามารถรับประทานได้ตลอดและรวดเร็วเหมาะกับวิถีชีวิตชาวเมืองที่ต้องรีบเร่งด้วย เช่น นำน้ำเต้าหู้หรือนมสดใส่แก้วแล้วผสมข้าวโอ๊ตลงไป (ซึ่งสามารถหาซื้อข้าวโอ๊ตได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป) หรือทำโจ๊กข้าวโอ๊ตร้อน ๆ ด้วยการนำข้าวมาต้มให้เปื่อยจนกลายเป็นโจ๊กแล้วเติมข้าวโอ๊ตลงไป เพิ่มรสชาติด้วยหมูสับ ผัก หรือใครชอบขนมหวานก็สามารถนำไปผสมกับคุกกี้ ขนมปังก็ได้คุณประโยชน์เช่นกัน

นอกจากอาหารคาวหวานแล้ว ข้าวโอ๊ตยังสามารถนำมาใช้บำรุงความงามกันได้อีกมากมาย เพราะข้าวโอ๊ตมีวิตามินอีเป็นกลีเซอรีนตามธรรมชาติ คงความชุ่มชื่นของผิวได้ดี โดยเราสามารถนำข้าวโอ๊ตมาผสมกับน้ำผึ้งแล้วนำมาสครับผิวหรือพอกหน้าหรือสามารถนำมาผสมน้ำอาบ ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าช่วยให้ผิวเนียนนุ่มขึ้น ไม่มัน เพราะมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยดูดซับความมันออกจากผิวได้

เห็นคุณประโยชน์อันมากมายมหาศาลของข้าวโอ๊ตแบบนี้แล้ว อย่าลืมหันมาบริโภคธัญพืชดี ๆ ชนิดนี้กันนะคะ.
สรรหามาบอก
-โรงพยาบาลลาดพร้าวร่วมกับอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว ขอเชิญหนูน้อยระดับอนุบาล-ประถมศึกษา เข้าร่วม ’ประกวดหนูน้อยสุขภาพดีและพัฒนาการเด่น“ ในงานวันเด็กใน วันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555 เวลา 10.00-16.00 น. ณ ชั้น G ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว สนใจสอบถามเพิ่มเติมโทร. 0-2530-2244 ต่อ 1863, 1837

-สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ขอเชิญน้อง ๆ และผู้ป่วยเด็กส่งเรียงความการประกวดสร้างฝัน...ร่วมจินตนาการในหัวข้อ ’กระปุกออมสิน IQ-EQ เล่นสร้างจินตนาการ...เก็บออมสร้างอนาคต“ เพื่อชิงเงินรางวัลและร่วมกิจกรรมงานวันเด็กประจำปี 2555 ใน วันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555 ณ ลานกิจกรรมชั้น 1 หน้าตึกมหิตลาธิเบศร สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ส่งเรียงความภายในวันที่ 9 มกราคม 2555 สอบถามโทร. 0-2644-6011 ต่อ 5021และ 0-2354-8033-43

-โรงพยาบาลพญาไท 2 ขอเชิญว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่เข้าร่วมกิจกรรม ’Happy Mom Family“ สายใยรักครอบครัว ในวันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม 2555 เวลา 13.30-16.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 9 อาคารจอดรถโรงพยาบาลพญาไท 2 ภายในงานมีกิจกรรมโยคะปรับสมดุลร่างกายและการออกกำลังกายขณะตั้งครรภ์ พร้อมทัวร์ห้องคลอด สำรองที่นั่งโทร. 1772 รับฟรี กิฟต์เซตลูกน้อย 1 ชุด (จำนวนจำกัด)

-คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ขอเชิญประชาชนผู้สนใจชม ’นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก“ ในโอกาสครบรอบ 120 ปี เเห่งวันคล้ายวันพระราชสมภพ 1 มกราคม 2555 โดยจัดเเสดงวันนี้ถึงวันที่ 9 มกราคม 2555 ณ ศาลาศิริราช 100 ปี และตั้งเเต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มกราคม 2555 ณ บริเวณโถงชั้น 1 หอสมุดศิริราช.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
 

เข้าชม : 1245


บทความสุขภาพ 5 อันดับล่าสุด

      10 ของอร่อยไขมันสูง กินแล้วไม่อ้วน แถมได้ประโยชน์เน้น ๆ 3 / ก.พ. / 2558
      25 Healthy Tips อย่ามองข้ามเรื่องเล็กๆ 18 / พ.ย. / 2556
      ดื่มน้ำผัก ผลไม้ให้ได้ประโยชน์ทั้งที ทางที่ดีอย่าคั้นแบบแยกกาก 13 / ก.ย. / 2556
      สุขภาพเสื่อมจากคอมพิวเตอร์ . . . ผักผลไม้ช่วยได้ 20 / พ.ค. / 2556
      หัวเผือก-หัวมัน กินเล่น ๆ แต่ได้ประโยชน์จริง 1 / ก.พ. / 2556


ความคิดเห็นที่ 1
เสาร์ ที่ 24 เดือน มีนาคม พ.ศ.2555 เวลา 14:00:59
People should certainly remember Coach Handbag Outlet it’s far based on Coach Factory Online store sole because Coach Store Online of trustworthy websites that are online. Louis Vuitton Outlet Your issue inside browsing on the net Coach Factory Online is certainly you can’t read Louis Vuitton Outlet Online the true supplement Coach Store Online which usually they may Coach Purses Outlet offer an individual right up until Louis Vuitton Handbags it again gets there in your front door. Coach Handbags Through stores or possibly merchants, Coach Factory you can receive you could use Coach Factory different new shares belonging to the Louis Vuitton Outlet supplement. Louis Vuitton Luggage Are you wanting a full directory all Coach Factory Store of your popular Louis Vuitton handbags Louis Vuitton Belt with Malaysia? In this particular using Louis Vuitton Handbags content I had compiled Coach Factory Outlet a full report of the most Coach Factory Outlet Online effective Louis Vuitton handbags Louis Vuitton Outlet included in Malaysia KLCC, Louis Vuitton Purses Starhill or maybe That Flowerbed. Louis Vuitton Outlet Online So why perform Louis Vuitton Purses consumers seek Louis Vuitton Coach Purse Outlet bag price lists? Coach Outlet Store Online It’s because most people Coach Online Outlet Store might know a large amount Coach Handbags of Louis Vuitton channels all over the Louis Vuitton Purses world do not ever before sac Coach Factory Outlet lancel pas cher market its fees yours for Louis Vuitton Purse the taking.
โดย : Coach Factory Outlet    ไอพี : 72.249.184.113



ชื่อ/Email :
ใส่รหัสที่ท่านเห็นลงในช่องนี้ [กด F5 ถ้ารหัสไม่ชัดเจน]
ไอคอน : ย่อหน้า จัดซ้าย จัดกลาง จัดขวา ตัวหนา ตัวเอียง เส้นใต้ ตัวยก ตัวห้อย ตัวหนังสือเรืองแสง ตัวหนังสือมีเงา สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีส้ม สีชมพู สีเทา
อ้างอิงคำพูด เพิ่มเพลง เพิ่มวีดีโอคลิป เพิ่มรูปภาพ เพิ่มไฟล์ Flash เพิ่มลิงก์ เพิ่มอีเมล์
ความคิดเห็น :


กรุณาใช้คำพูดที่สุภาพ และอย่าใช้คำพูดที่พาดพิงถึงบุคคลอื่นให้เสียหาย ขอขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ


ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของระบบไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม กรุณาแจ้งที่ mocyc@hotmail.com เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

 

                    ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอเมืองบุรีรัมย์
                  ถนนบุรีรัมย์-ประโคนชัย  ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์  จังหวัดบุรีรัมย์  โทรศัพท์ 0-44611-959   

                 Fax 0-4461-1959    E -Mail :
Muang@buriram.nfe.go.th

Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.05