[x] ปิดหน้าต่างนี้
 

ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ยินดีต้อนรับทุกท่าน

 





 

  

บทความสุขภาพ
หัวเผือก-หัวมัน กินเล่น ๆ แต่ได้ประโยชน์จริง

ศุกร์ ที่ 1 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2556

คะแนน vote : 3  

หัวเผือก หัวมัน
 

หัวเผือก-หัวมัน กินเล่น ๆ แต่ได้ประโยชน์จริง (สุขกายสบายใจ)
เรื่อง : สุธารัชฎ์ รัตนารามิก

          สาว ๆ ที่รักหุ่นเท่าชีวิตต้องเลิก "ไดเอต ไดอด" ได้แล้ว เพราะการไม่กินข้าวเย็น งดแป้ง เลี่ยงน้ำตาล อาจทำให้ขาดสารอาหารได้ และสำหรับใครที่ชอบกินขนมจุบจิบ "มัน" ช่วยคุณได้แน่นอน วันนี้ เรามีเกร็ดเล็กน้อยถึงประโยชน์ของพืชหัวมาฝาก แม้ว่าจะยกขบวนมาไม่หมดทุกชนิด แต่ก็รับรองว่าพืชหัว 4 ชนิดต่อไปนี้ที่เราคัดเฉพาะมานี้ดีต่อสุขภาพแน่นอน มีประโยชน์แม้จะทำเป็นของทานเล่น หรือนำไปปรุงเป็นเมนูหลักสุดโปรด

มันฝรั่ง

 1.มันฝรั่งบำรุงสมอง (Potato)

          ด้วยวิตามินบี 6 ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมองให้ผลิตสารสื่อประสาทอย่างเป็นปกติ เช่น เซโรโทนิน สารสื่อประสาทที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์ และกาบา สารสื่อประสาทที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และอะดรีนาลีน สารสื่อประสาทที่ช่วยลดความเครียด ปริมาณบริโภคที่แนะนำต่อวันคือ ½ -1 ถ้วยตวง (ทั้งประเภทบด และต้มกินทั้งหัว) ไม่ควรกินเกินกว่านี้ เพราะมีกรดแอล-แอสคอร์บิกอยู่ (หรือวิตามินซี) จะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารจนรู้สึกท้องอืด ท้องเฟ้อ

มันแกว

 2.มันแกวป้องกันโรคหัวใจ (Jicama)

          ด้วยกรดโฟลิกช่วยคุมปริมาณสารโฮโมซีสทีนในเลือดไม่ให้สูงเกินไป เพราะหากร่างกายมีสารโฮโมซีสเตอีนอยู่ในปริมาณสูงเกินไป หลอดเลือดจะถูกทำลาย โดยเฉพาะหลอดเลือดขนาดเล็ก เช่น หลอดเลือดหัวใจ ผลคือ หลอดเลือดจะตีบ และอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนอาจตายเพราะเลือดไม่ไหลเวียน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน ปริมาณบริโภคที่แนะนำต่อวัน คือ 1 ถ้วยตวง (120 กรัม)

เผือก

 3.เผือกบำรุงกระดูกและฟัน (Taro Root)

          เผือกช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง เพราะมีแคลเซียมสูง แต่เผือกดิบมีกรดออกซาลิกสูง ซึ่งเป็นกรดที่ดักจับแคลเซียมในอาหาร ก่อนกินจึงต้องผ่านกระบวนการความร้อนก่อนทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการต้ม อบ คั่ว ทอด หรือนึ่ง เพื่อเจือจางปริมาณกรดออกซาลิก เพราะหากไม่ได้นำไปทำให้สุกก่อน กรดออกซาลิกจะจับตัวกับแคลเซียมไปสะสมที่ไตในรูปของแคลเซียมออกซาเลต มีลักษณะเป็นก้อนนิ่วที่อาจส่งผลให้เกิดโรคนิ่วในไต และโรคเก๊าท์ (ข้อต่ออักเสบ) ได้ในที่สุด ปริมาณบริโภคที่แนะนำต่อวันคือ ½ -1 ถ้วยตวง

แห้ว

 4.แห้วบำรุงมวลกล้ามเนื้อ (Water Chestnut)

          จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโด เผยว่า การบริโภคแร่ธาตุโพแทสเซียมประมาณ 4.7 กรัมต่อวัน จะช่วยบำรุงระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาทให้ทำงานเป็นปกติ แห้วจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี เพราะแห้วเพียง ½ ถ้วยตวง ก็อุดมด้วยโพแทสเซียมสูงถึง 360 มิลลิกรัมแล้ว ปริมาณบริโภคที่แนะนำต่อวันคือ ½ -1 ถ้วยตวง

          มันฝรั่ง มันเทศ มันแกว เผือก และแห้ว ถือเป็นผักที่อุดมด้วยสตาร์ช (Starch) หรือคาร์โบไฮเดรตที่เกิดขึ้นเองจากการสะสมตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังถือเป็นผักที่เป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุชั้นดีอีกด้วย หากวันนี้คุณยังนึกไม่ออกว่ายังไม่ได้กินสารอาหารหมู่ใด ลองนำพืชหัวเหล่านี้ไปดัดแปลงเป็นเมนู เช่น ซุปมันฝรั่ง สตูว์มันฝรั่ง สลัดมันแกว มันย่าง มันเทศต้ม เผือกต้ม รับรองว่าคุณก็จะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนเดี๋ยวนี้เลย 
http://health.kapook.com/view48794.html

เข้าชม : 970


บทความสุขภาพ 5 อันดับล่าสุด

      10 ของอร่อยไขมันสูง กินแล้วไม่อ้วน แถมได้ประโยชน์เน้น ๆ 3 / ก.พ. / 2558
      25 Healthy Tips อย่ามองข้ามเรื่องเล็กๆ 18 / พ.ย. / 2556
      ดื่มน้ำผัก ผลไม้ให้ได้ประโยชน์ทั้งที ทางที่ดีอย่าคั้นแบบแยกกาก 13 / ก.ย. / 2556
      สุขภาพเสื่อมจากคอมพิวเตอร์ . . . ผักผลไม้ช่วยได้ 20 / พ.ค. / 2556
      หัวเผือก-หัวมัน กินเล่น ๆ แต่ได้ประโยชน์จริง 1 / ก.พ. / 2556


 

                    ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอเมืองบุรีรัมย์
                  ถนนบุรีรัมย์-ประโคนชัย  ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์  จังหวัดบุรีรัมย์  โทรศัพท์ 0-44611-959   

                 Fax 0-4461-1959    E -Mail :
Muang@buriram.nfe.go.th

Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.05