[x] ปิดหน้าต่างนี้
 

ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ยินดีต้อนรับทุกท่าน

 





 

  

บทความทั่วไป
จิตแพทย์เตือนอย่าอินการเมือง

จันทร์ ที่ 20 เดือน มกราคม พ.ศ.2557

คะแนน vote : 1  

 
จิตแพทย์เตือนอย่าอินการเมืองจนตัด"พ่อ-แม่-ลูก"แนะวิธีรับมือความเห็นต่างการเมืองในครอบครัว
 

ปัญหาใหญ่ที่สังคมไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ เพราะคนส่วนใหญ่มัวแต่กังวลกับการทำหน้าที่พลเมือง จนลืมหน้าที่และความรับผิดชอบต่อคนในครอบครัว ละเลยการสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน ละเลยการดูแลความรู้สึกของกันและกัน เพียงเพราะความคิดเห็นแตกต่างกันจนเกิดภาวะลืมสถานะตนเองฉับพลัน พ่อลืมลูก ลูกลืมแม่ แม่ลืมลูก ลูกลืมพ่อ พี่ลืมน้อง น้องลืมพี่ เพื่อนลืมเพื่อน สามีลืมภรรยา ภรรยาลืมสามี ฯลฯ

นำมาสู่ความแตกแยกที่ร้าวลึกนับตั้งแต่ประเทศไทยเกิดวิกฤตแบ่งแยกสีทางการเมืองชัดเจน จนเกิดเป็นความคิดเห็นแตกต่างคนละขั้ว และความพยายามที่ยัดเยียดให้อีกฝ่ายคิดเหมือนตัวเอง คือปัญหาใหญ่ที่สังคมไทยกำลังเผชิญ

น.พ.ทวี ตั้งเสรี ผู้ทรงคุณวุฒิกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ เซ็กชั่นดีไลฟ์ถึงกรณีความแตกแยกในสังคมว่า หากศึกษาจากประวัติศาสตร์ของสังคมไทยจะเห็นว่าตอนนี้เกิดจุดแตกหักมาสักระยะหนึ่งแล้ว และเมื่อทุกอย่างแตกจนถึงที่สุดมันก็จะกลับมาหลอมกันใหม่ได้ ในวันที่ทุกคนเห็นตรงกันแล้วว่าประเทศเละเทะจนต้องช่วยกันฟื้นฟู 

"สิ่งที่ต้องระวังคือ จุดแตกหักที่เกิดขึ้นต้องไม่ใช่การแตกหักในครอบครัว แต่ให้เป็นจุดแตกหักทางการเมือง เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาครอบครัว ดังนั้นคนในครอบครัวต้องเปิดใจกว้าง หากคิดต่างกันก็เลี่ยงไปคุยเรื่องอื่น เพราะคนเราเห็นต่างกันได้ ขอแนะนำให้เอาตัวเองออกจากข่าวสารสักระยะแล้วค่อยกลับไปใหม่"

น.พ.ทวียังแนะทางออกสำหรับคนที่มืดแปดด้านไม่มีใครให้ปรึกษารับฟังโดนรุม ถูกถล่มมา สามารถโทร.มาระบายได้ที่สายด่วนรับฟังทุกเรื่องที่ 1323 จะมีผู้เชี่ยวชาญช่วยให้ผ่อนคลาย 

 

ขณะที่ น.พ.อภิชาติ จริยาวิลาศ (หมอท็อป) จิตแพทย์ชำนาญการประจำ ร.พ.ศรีธัญญา เล่าถึงวิกฤตการเมืองระลอกนี้ที่เกิดต่อเนื่องมา 6-7 ปีมาแล้ว ตั้งแต่มีการแบ่งแยกสีเสื้อเหลืองกับแดง เคสที่พบมากที่สุดคือความเห็นต่างนำมาสู่การแยกทางของคู่รักทั้งที่แต่งงานและยังไม่ได้แต่งงาน

"ยิ่งช่วงปีแรกพบปัญหานี้เยอะมาก เช่น บางคนเป็นแฟนกันแต่อยู่คนละสี หรืออยู่บ้านเดียวกันคนหนึ่งเปิดทีวีช่องแดง อีกคนดูช่องเหลือง เมื่อมาคุยกันแล้วก็ทะเลาะกันรุนแรง เมื่อก่อนอาจแค่เห็นไม่ตรงกันทางการเมือง แต่สถานการณ์ตอนนี้ถึงขนาดตัดขาดกันทางความสัมพันธ์ระหว่างกันเลย ความรุนแรงไม่ใช่แค่ทางกาย แต่เป็นความรุนแรงที่เกิดจากวาจา สีหน้า หรือการประชดประชันระหว่างกัน เพราะความเห็นไม่ตรงกันทางการเมือง"


จิตแพทย์ ร.พ.ศรีธัญญา ฉายภาพให้ชัดเจนขึ้นไปอีกว่า บางคนอินกับการเมืองเกินไป จนหลงลืมคนในครอบครัว หลงลืมคนที่รักกัน หลงว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน บางกรณีหนักถึงขนาดเลิกรากัน หรือหย่าขาดจากกันไปหลายคู่ เนื่องจากความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน เช่น บางคนแต่งงานกันมาเกือบ 30 ปีไม่ค่อยทะเลาะกัน แต่มาทะเลาะกันหนัก เพราะประเด็นทางการเมือง

"ช่วงนี้ก็มีคนทะเลาะแล้วเข้ามาปรึกษาหมอกันเยอะ บางกรณีที่ลูกคุยกับพ่อแม่ไม่ได้แล้วเพราะการเมือง ยกตัวอย่างเคสนึงพ่อแม่อยู่สีหนึ่ง แต่ลูกเขยอยู่คนละสี พ่อแม่ก็คิดหนักว่าจะให้แต่งงานกับลูกสาวด้วยดีไหม เป็นถึงขนาดนั้น ปัญหานี้ฟังดูแล้วไม่น่าเกิดขึ้นในสังคมไทย แต่กลับเกิดขึ้นค่อนข้างเยอะในช่วง 6-7 ปีหลัง"

ดังนั้นสิ่งที่หมอท็อปแนะนำคนที่เข้ามาปรึกษาเพราะหาทางออกกับวิกฤตนี้ไม่ได้ อันดับแรก ตั้งสติก่อนว่า ข้อมูลด้านหนึ่งที่รับมาไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตเรา สิ่งสำคัญคือความสัมพันธ์ในครอบครัว อันเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ จากนั้นทำความเข้าใจ

"ต้องทำความเข้าใจว่า ความคิดเห็นแตกต่างกันได้ อย่าลืมว่าเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ย่อมอนุญาตให้คนเราเห็นแตกต่างกันได้ การเห็นต่างเป็นเรื่องปกติในสังคม เมื่อเป็นคนไทยด้วยกัน ยิ่งเป็นคนในครอบครัวเดียวกันก็ไม่ควรเอาเป็นเอาตาย ถ้าเกิดมีคนอื่นเห็นแตกต่างกับเราไปบ้าง 

ฉะนั้นต้องใช้ความเข้าใจเยอะ ๆ และการยอมรับความเห็นซึ่งกันและกันเป็นที่ตั้งสำคัญในความสัมพันธ์ของแต่ละครอบครัว" 

ทางออกในความขัดแย้งครั้งนี้ น.พ.ทวี ตั้งเสรี แนะนำให้ถอยกันคนละก้าว ใครจะถอยก่อนก็ได้ เพื่อคนในครอบครัวจะได้กลับมาสื่อสารกันได้ใหม่ 

ส่วนวิธีการกลับมาสื่อสารกันใหม่นั้น น.พ.อภิชาติมีวิธีมาแนะนำกรณีที่เกิดกับลูกและพ่อแม่ ถ้าเป็นลูกที่ค่อนข้างโตแล้วระดับหนึ่ง จนมีความเห็นเป็นของตัวเอง หรือเป็นผู้ใหญ่แล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนในการรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัว ถ้ารู้ว่าสมาชิกในครอบครัวคนใดมีความคิดทางการเมืองที่เข้มข้น มีความเชื่อที่สุดขั้ว 

พ่อแม่เองก็ต้องตั้งสติ แล้วสำรวจกับตัวเองก่อนว่า เรามีความคิดที่สุดขั้วด้วยหรือเปล่า เพราะบางกรณีพ่อแม่สุดขั้ว ฝ่ายลูกก็สุดขั้วเช่นกัน ดังนั้นเราต้องหาจุดยืนของเราให้ได้ก่อนว่าคืออะไร ต้องเข้าใจตัวเองก่อน

ต้องเข้าใจว่า ความเห็นที่แตกต่าง เป็นความปกติของมนุษย์ เราเห็นต่างกันได้ และก็มีวิธีการพูดคุยระหว่างกันหลายอย่าง แต่ที่สำคัญอย่าหลงลืมว่า เราเป็นครอบครัวเดียวกัน

"ที่สำคัญเราต้องมีบทสนทนาของคนที่เป็นครอบครัวด้วย เช่น ถาม

สารทุกข์สุกดิบ ให้ความห่วงใยระหว่างกัน ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง ถ้าเราเกิดหลงลืมตรงนี้ไป สถาบันครอบครัวพัง ย่อมทำให้ประเทศพังตามไปด้วย ตอนนี้กลายเป็นว่า เราเพ่งแต่เรื่องการเมือง จนหลงลืมรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัว" 

หมอท็อปยกตัวอย่างเคสที่เข้ามาปรึกษาบ่อย ๆ ส่วนใหญ่เป็นคู่ครองที่ต่างมีมุมมองสุดขั้วทางการเมือง ขนาดไปร่วมคนละเวที หรือกรณีแม่ขึ้นเวทีแดง ลูกขึ้นเวทีเหลือง

"แต่ครอบครัวที่อยู่กันได้ ไม่ใช่ว่ามีทรรศนะการเมืองแบบใด เพราะหลายบ้านที่อยู่กันได้ แม้จะมีจุดยืนทางการเมืองที่แตกต่างกัน แต่พอกลับมาอยู่ในบ้าน ก็ไม่ลืมว่าอยู่ในฐานะและทำหน้าที่อะไรในครอบครัว แม่ทำหน้าที่แม่ ลูกทำหน้าที่ของลูก ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองในครอบครัว

เราต้องระลึกเสมอว่า หน้าที่ที่เราต้องทำคู่กันเสมอ นั่นคือ หน้าที่พลเมือง และยังต้องทำหน้าที่ในครอบครัวด้วย เพราะชาติของเรายืนอยู่ได้ ต้องมีสถาบันทางครอบครัวเข้มแข็งด้วย" 

ส่วนกรณีที่ทะเลาะกันรุนแรงถึงขั้นหย่าร้างกัน หรือตัดพ่อตัดลูก เพราะความคิดทางการเมืองต่างกัน การทำให้สิ้นสุดความเป็นครอบครัวเป็นเรื่องที่รุนแรงมากที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย

สิ่งที่หมอท็อปย้ำคือ เป็นไปไม่ได้เลยที่คนเราจะเห็นอะไรที่เหมือนกัน เมื่อเราอยู่ในสังคมประชาธิปไตย เราจำเป็นต้องให้เกียรติและเคารพในความคิดของคนอื่น แต่เมื่อใดที่เราบังคับให้คนอื่นคิดตามเรา โดยใช้กำลัง วาจา หรือวิธีการใด ๆ ก็ตามที่เป็นการบังคับ นั่นก็ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย และไม่ใช่ระบบครอบครัวอีกต่อไป

ถ้าเกิดความเห็นที่แตกต่างกัน ต้องมีสติ และต้องประคับประคองความเป็นครอบครัวไว้ก่อน ต้องประเมินคนในครอบครัวมีความสามารถในการเปิดรับได้มากน้อยแค่ไหน อย่ายัดเยียดให้อีกฝ่ายยอมรับโดยไม่สมัครใจ ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ คุย
 

เมื่อใดเริ่มมีอารมณ์เกิดขึ้นต้องหยุดพูดถึงเรื่องการเมืองทันที ให้เปลี่ยนเรื่องคุยทันที เพราะการพูดคุยที่มีอารมณ์เกิดขึ้นจะไม่ใช่การพูดคุยแล้ว แต่เป็นการโต้เถียงกันแทน เราต้องรู้ให้เท่าทันก่อนทะเลาะกัน 

เราต้องเริ่มจากตัวเราเองก่อน และอย่าไปยัดเยียดความคิดให้อีกฝ่ายหนึ่ง
 

ที่สุดแล้วการทะเลาะทางการเมืองไม่มีทางจบ แต่เราจะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างไรคือสิ่งสำคัญ

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์


เข้าชม : 880


บทความทั่วไป 5 อันดับล่าสุด

      จิตแพทย์เตือนอย่าอินการเมือง 20 / ม.ค. / 2557
      ต้นกำเนิด คริสต์มาส 25 / ธ.ค. / 2556
      ผลศึกษาชี้ คุณพ่อบ้างาน อาจส่งผลให้ ลูก ก้าวร้าว 13 / ก.ย. / 2556
      กระทรวงศึกษาฯ เร่งหารือ ทรงผมนักเรียน ใส่เจล-ทำสี ได้หรือไม่? 1 / ก.พ. / 2556
      ประวัติวันลอยกระทง ประเพณีลอยกระทง 28 / พ.ย. / 2555


 

                    ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอเมืองบุรีรัมย์
                  ถนนบุรีรัมย์-ประโคนชัย  ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์  จังหวัดบุรีรัมย์  โทรศัพท์ 0-44611-959   

                 Fax 0-4461-1959    E -Mail :
Muang@buriram.nfe.go.th

Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.05