[x] ปิดหน้าต่างนี้
 

 
 

โครงสร้างหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

***หมายเหตุ***  วิชาเลือกแต่ละระดับสถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียน เรียนรู้จากการทำโครงงานจำนวนอย่างน้อย ๓ หน่วยกิต

การลงทะเบียนรายวิชา
        การลงทะเบียนเรียนตามโครงสร้างหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ให้ลงทะเบียนเรียนเป็นรายวิชาและตามจำนวนหน่วยกิต ในแต่ละภาคเรียนดังนี้
       1. ระดับประถมศึกษา ลงทะเบียนเรียนทั้งหมด ไม่น้อยกว่า 48 หน่วยกิต ให้ลงทะเบียนเรียนได้ภาคเรียนละไม่เกิน 14 หน่วยกิต
       2. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ลงทะเบียนเรียนทั้งหมด ไม่น้อยกว่า 56 หน่วยกิต ให้ลงทะเบียนเรียนได้ภาคเรียนละไม่เกิน 16 หน่วยกิต
       3. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ลงทะเบียนเรียนทั้งหมด ไม่น้อยกว่า 76 หน่วยกิต ให้ลงทะเบียนเรียนได้ภาคเรียนละไม่เกิน 20 หน่วยกิต

วิธีการจัดการเรียนรู้
         วิธีการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ดังนี้
         -   การเรียนรู้แบบพบกลุ่ม
         -   การเรียนรู้ด้วยตนเอง
         -   การเรียนรู้แบบทางไกล
         -   การเรียนรู้แบบชั้นเรียน
         -   การเรียนรู้แบบอื่นๆ
 ซึ่งในแต่ละรายวิชา ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หรือหลายรูปแบบก็ได้ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของสถานศึกษาด้วย

ารเทียบโอนผลการเรียน
           การเทียบโอนผลการเรียนเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงผลการเรียนรู้ที่หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมจัดการศึกษาและเชื่อมโยงผลการเรียนรู้จากวิธีการเรียน  ที่หลากหลาย รวมทั้งจากการประกอบอาชีพและประสบการณ์ต่างๆและเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมให้บุคคลมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตเมื่อบุคคลตระหนักและรับรู้ว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้มานั้น สามารถนำมาเพิ่มคุณค่าโดยการเทียบโอนเป็นผลการเรียน  นับเป็นผลพลอยได้จากการเรียนรู้  นอกเหนือจากการนำสิ่งที่ได้เรียนรู้นั้นไปแก้ไขปัญหาในการประกอบอาชีพ  พัฒนาการทำงานให้ดีขึ้น  หรือแม้กระทั่งการนำสิ่งที่ได้เรียนรู้นั้นไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน

ขอบข่ายการเทียบโอนผลการเรียน
           แนวทางการเทียบโอนผลการเรียน  ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบ  ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน  พุทธศักราช  2551  จัดทำขึ้นเป็นแนวทางให้สถานศึกษาใช้ในการเทียบโอนผลการเรียน  ระหว่างรูปแบบการศึกษาในระบบ  การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย  ระหว่างหลักสูตรของหน่วยงานต่าง ๆ  เข้าสู่  หลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน  พุทธศักราช   2551  มีขอบข่าย ดังนี้
           1.  การเทียบโอนผลการเรียนจากหลักสูตรที่จัดการศึกษาเป็นระดับประถม  มัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายหรือเทียบเท่า

                เป็นการเทียบโอนผลการเรียนจากหลักฐานการศึกษา  ที่ออกให้โดยสถานศึกษาของรัฐและเอกชน  ที่จัดการศึกษาตามหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศใช้  หรือให้การรับรอง และจัดระดับการศึกษาเป็นระดับประถมศึกษา  มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า  ตามหลักสูตร  ทั้งที่จัดในรูปแบบการศึกษาในระบบและการศึกษานอกระบบ

           2.  การเทียบโอนผลการเรียนจากการศึกษาต่อเนื่อง
                เป็นการเทียบโอนผลการเรียนจากการเรียนในหลักสูตรระยะสั้น หรือหลักสูตรฝึกอบรมที่จัดขึ้นตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ
           3.  การเทียบโอนความรู้และประสบการณ์กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ
               เป็นการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์จากการเป็นทหารกองประจำการ อาสาสมัครสาธารณสุข ผู้นำท้องถิ่น และแรงงานไทยที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติและกลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ ที่ได้ทำข้อตกลงร่วมกัน
           4.  การเทียบโอนผลการเรียนจากหลักสูตรต่างประเทศ
           เป็นการเทียบโอนผลการเรียนจากการศึกษาหลักสูตรต่างประเทศ  ที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศนั้น ๆ ให้การรับรองมาตรฐานการจัดการศึกษา  หรือผลการเรียนจากหลักสูตรของโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศเทียบความรู้  
           5.  การเทียบโอนผลการเรียนจากการประเมินความรู้และประสบการณ์
           เป็นการเทียบโอนผลการเรียน  โดยใช้วิธีการประเมินความรู้และประสบการณ์ของผู้เรียน  ซึ่งมีการเรียนรู้จากการศึกษาตามอัธยาศัย  การประกอบอาชีพ  การทำงาน โดยอาจมีหลักฐานเชิงประจักษ์จากการทำงาน หลักฐานอื่น ๆที่เกี่ยวข้องหรือไม่มีหลักฐานก็ได้

คุณสมบัติทั่วไปของผู้ขอเทียบโอนผลการเรียน
           1.  ต้องไม่เป็นนักเรียนหรือนักศึกษา  ในระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษาหรือระดับที่เทียบเท่าของสถานศึกษาอื่น
           2.  ต้องขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช  2551

วิธีการเทียบโอนผลการเรียน

           การเทียบโอนผลการเรียนมี  2 วิธี คือ
            วิธีที่  1  การพิจารณาจากหลักฐานการศึกษา
                 1.1  การพิจารณาหลักฐานการศึกษาจากหลักสูตรที่จัดการศึกษาเป็นระดับ เป็นการตรวจสอบหลักสูตรผลการเรียนในรายละเอียดเกี่ยวกับ ระดับหรือชั้นปีที่เรียนจบมา  รายวิชาที่เรียน ผลการเรียน ความถูกต้องของหลักฐาน โดยหลักฐานการศึกษาที่นำมาเทียบโอนผลการเรียนต้องเป็นหลักฐานที่ออกโดยสถานศึกษาของรัฐ หรือเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน หรือวิทยฐานะทางการศึกษา
                 1.2  การพิจารณาหลักฐานจากการศึกษาต่อเนื่อง  เป็นการตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับหลักสูตร  เนื้อหาวิชาที่ศึกษา  จำนวนชั่วโมง หน่วยงานที่จัด  เพื่อพิจารณาเทียบโอนให้สอดคล้องกับรายวิชาตามหลักสูตร ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียนของสถานศึกษา
            วิธีที่  2  การประเมินความรู้และประสบการณ์  เป็นการวัดตรวจสอบและประเมินผลการเรียนรู้และประสบการณ์ของผู้เรียนที่เกิดจากการประกอบอาชีพ การทำงาน จากการเรียนรู้ตามอัธยาศัย  โดยใช้เครื่องมือประเมินที่หลากหลาย เช่น แบบทดสอบ  แบบสัมภาษณ์  การปฏิบัติจริง เป็นต้น

การเทียบโอนผลการเรียนจากหลักฐานการศึกษา  มีขอบข่ายดังนี้
            1.  การเทียบโอนผลการเรียนจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน  พุทธศักราช  2544 
(ในระบบ)  เข้าสู่หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช  2551
            2. การเทียบโอนผลการเรียนจากหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการศึกษานอกโรงเรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช  2544 (นอกระบบ)  เข้าสู่หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช  2551
            3.  การเทียบโอนผลการเรียนจากหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช  2545  เข้าสู่หลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช  2551
            4.  การเทียบโอนผลการเรียนจากหลักสูตรอื่น ๆ ที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศใช้

การวัดผลประเมินผลการเรียน
        การวัดและประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช  2551  มี 2 ลักษณะได้แก่
        1. การวัดและประเมินผลรายวิชา  สถานศึกษาดำเนินการประเมินผลรายวิชาดังนี้
              1.1. การวัดและประเมินผลก่อนเรียน  เป็นการตรวจสอบความรู้ ทักษะและความพร้อมต่าง ๆ ของผู้เรียนเพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับสภาพความพร้อมและความรู้พื้นฐานของผู้เรียน
              1.2.  การวัดและประเมินผลระหว่างภาคเรียน   สถานศึกษาดำเนินการประเมินผลระหว่างภาคเรียนเพื่อทราบความก้าวหน้าทั้งด้านความรู้  ทักษะ เจตคติ และพฤติกรรมการเรียนการร่วมกิจกรรมและผลงาน อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้   รายละเอียดของคะแนนระหว่างภาค ประกอบด้วย
                     1)  การให้ความร่วมมือกับสถานศึกษา  หมายถึง การที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมใน
กิจกรรมต่างๆ ของสถานศึกษา เช่น การร่วมเดินรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด การเข้าร่วมในวันสำคัญ ร่วมกิจกรรมของสถานศึกษา เป็นต้น
                     2)  ผลงานที่กำหนดเป็นร่องรอยในแฟ้มสะสมงาน
                     3)  การแสดงออกและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้  หมายถึง การร่วมอภิปรายการช่วยงานกลุ่ม การตอบคำถาม
              1.3.  การวัดผลประเมินผลปลายภาคเรียน  มีวัตถุประสงค์เพื่อทราบผลการเรียนรู้โดยรวมของผู้เรียนในแต่ละรายวิชา  โดยใช้เครื่องมือ เช่น แบบทดสอบปรนัย แบบทดสอบอัตนัย แบบประเมินการปฏิบัติ เป็นต้น
การวัดและประเมินผลปลายภาคเรียนนั้น  ผู้เรียนที่จะผ่านการประเมินรายวิชาใด  จะต้องเข้าสอบปลายภาคเรียนและมีคะแนนปลายภาคเรียนรวมกับคะแนนระหว่างภาคเรียนผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำตามเกณฑ์ที่สำนักงาน กศน. กำหนด                     
              1.4 การตัดสินผลการเรียนรายวิชา
                การตัดสินผลการเรียนรายวิชา  ให้นำคะแนนระหว่างภาคเรียนมารวมกับคะแนนปลายภาคเรียน  และจะต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ  50  จึงจะถือว่าผ่านการเรียนในรายวิชานั้น
                ทั้งนี้  ผู้เรียนต้องเข้าสอบปลายภาคเรียนด้วย  แล้วนำคะแนนไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดโดยให้ค่าระดับผลการเรียนเป็น  8 ระดับ ดังนี้            

    
             ได้คะแนนร้อยละ 80-100 ให้ระดับ   4 หมายถึง ดีเยี่ยม
          ได้คะแนนร้อยละ 75-79 ให้ระดับ 3.5   หมายถึง ดีมาก
          ได้คะแนนร้อยละ 70-74 ให้ระดับ 3   หมายถึง ดี
          ได้คะแนนร้อยละ 65-69 ให้ระดับ 2.5   หมายถึง ค่อนข้างดี
          ได้คะแนนร้อยละ 60-64 ให้ระดับ 2   หมายถึง ปานกลาง
           ได้คะแนนร้อยละ 55-59   ให้ระดับ  1.5 หมายถึง พอใช้
         ได้คะแนนร้อยละ 50-54 ให้ระดับ 1   หมายถึง ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด
       ได้คะแนนร้อยละ 0-49 ให้ระดับ 0   หมายถึง ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด


เกณฑ์การจบหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 

    1. ผ่านเกณฑ์การประเมินการเรียนรู้รายวิชาในแต่ละระดับการศึกษา ตามโครงสร้างหลักสูตร 
            1.1. ระดับประถมศึกษา ไม่น้อยกว่า 48 หน่วยกิต
            1.2. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ไม่น้อยกว่า 56 หน่วยกิต
            1.3. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายไม่น้อยกว่า 76 หน่วยกิต
    2. เข้าร่วมกิจกรรม และผ่านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต ( กพช) ไม่น้อยกว่า 200 ชั่วโมง
    3. ผ่านการประเมินคุณธรรม ในระดับพอใช้ขึ้นไป
    4. เข้ารับการประเมินคุณภาพการศึกษานอกระบบระดับชาติ ( สอบ N Net) 




เข้าชม : 47
 
 
ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอประโคนชัย
203 หมู่ 6  ตำบลโคกมะขาม อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ 31140 โทรศัพท์ 044-671638
E-Mail :
Prakhonchai@buriram.nfe.go.th
Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.05HD  Update by